เคยไหม? กินอะไรไปก็ไม่ย่อย ท้องอืด ท้องผูก ปวดท้องบ่อยจนร่างกายเริ่มแย่ ใครกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่? ห้ามพลาดบทความนี้ เพราะปัญหาท้องไส้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ทำให้ทรมานกับอาการ แถมส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของร่างกาย และคุณภาพชีวิตได้มาก คุณจึงไม่ควรต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป! เพราะ Zenvida มีเคล็ดลับดูแลลำไส้ดี ๆ มาฝากคุณกัน
สาเหตุหลักของอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย
ถ้าหากพูดถึงอาการปวดท้อง แน่นท้อง ถ่ายไม่ออกหลังรับประทานอาหาร ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติ หรือระบบย่อยเสียสมดุล ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย ส่งผลให้ท้องอืด ปวดท้องบ่อย แน่นท้อง หรือมีอาการท้องผูกตามมา ถ้าหากจะเจาะลึกให้เห็นกันชัด ๆ ว่าสาเหตุหลัก ๆ ของอาการเหล่านี้เกิดมาจากอะไรกันแน่ ก็จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
1.สาเหตุจากพฤติกรรม
ส่วนใหญ่แล้วอาการท้องอืด ปวดท้อง แน่นท้อง หรือท้องผูกเหล่านี้มักมาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง เมื่อทำต่อเนื่องเป็นเวลานานก็มักจะส่งผลให้เห็นผ่านระบบการย่อยอาหารที่ผิดปกติ โดยพฤติกรรมการกินอาหารที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ได้แก่
- กินเร็ว
พฤติกรรมกินอาหารเร็วเกิดขึ้นจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ติดพฤติกรรมมายังเรื่องการกิน ทำให้กินไว เคี้ยวไม่ละเอียด จึงส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และแน่นท้องได้
- กินเยอะ
อย่างเวลาที่เรารู้สึกหิวมาก ๆ อาจทำให้คุณเผลอกินอาหารเยอะเกินไปโดยไม่รู้ตัว จึงทำให้หลังรับทานเสร็จแล้วมักจะรู้สึกปวดท้อง แน่นท้อง ไม่สบายท้องจากการที่กินเยอะเกินไป หรือกินไว จนอาหารไม่ย่อย
- กินอาหารรสจัด
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ชอบทานอาหารรสจัด มีรสชาติเข้มข้นถึงพริกถึงขิง จึงเป็นสาเหตุหลักอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่อาการกรดไหลย้อน ท้องเสีย และท้องผูก หรือลำไส้แปรปรวนตามมาได้
- กินอาหารมัน ๆ
อาหารจำพวกของมัน และของทอด เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่คนไทยชื่นชอบ แต่ความมันจากอาหารจะทำให้ร่างกายต้องใช้เวลานานในการย่อย แถมยังกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย และกรดไหลย้อนได้
- เคี้ยวอาหารไม่ละเอียดพอ
พฤติกรรมการเคี้ยวอาหารที่ไม่เหมาะสม ก็ส่งผลให้เกิดอาหารไม่ย่อยตามมาได้ เช่น เคี้ยวอาหารไม่ละเอียดมากพอและเคี้ยวอาหารไว ทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย รู้สึกแน่นท้อง ท้องผูก และท้องอืดตามมาได้
สาเหตุจากโรคประจำตัว
โรคประจำตัว ก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดอาการแน่นท้อง ปวดท้องบ่อย ๆ ท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสียได้ เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นแผลในกระเพาะอาหาร เป็นกรดไหลย้อน หรือมีอาการของโรคลำไส้แปรปรวน ซึ่งโรคต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารโดยตรงนั่นเอง
สาเหตุจากปัจจัยอื่น
นอกจากเรื่องของพฤติกรรมการรับประทานอาหารและโรคประจำตัวแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ นอกจากเหนือจากการควบคุมอย่างเช่น ความเครียด ฮอร์โมน หรือการใช้ยาบางชนิดต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก ปวดท้อง แน่นท้องบ่อย ๆ ได้เช่นกัน
โดยเฉพาะการใช้ยาปฏิชีวนะ ซึ่งจะเข้าไปทำลายแบคทีเรียในลำไส้ทั้งดีและไม่ดี ทำให้แบคทีเรียในลำไส้เสียสมดุลไป จึงควรต้องได้รับการเสริมโปรไบโอติกเข้าไปเพื่อปรับสมดุลลำไส้ให้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นอีกครั้งนั่นเอง
โพรไบโอติกคืออะไร? ทำไมถึงช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร
โพรไบโอติก (Probiotics) คือ จุลินทรีย์ชนิดดีที่มีชีวิตอาศัยอยู่ในร่างกายโดยเฉพาะบริเวณลำไส้ เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกเข้าไป จะเข้าไปช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาท้องผูก ท้องอืด และอาการไม่สบายทางเดินอาหารอื่น ๆ
ทำไมโพรไบโอติกจึงสำคัญต่อระบบย่อยอาหาร?
- ปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้: โพรไบโอติกจะเข้าไปแข่งขันกับแบคทีเรียก่อโรค ทำให้แบคทีเรียดีมีจำนวนมากกว่า และช่วยลดจำนวนแบคทีเรียตัวร้าย จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อและการอักเสบในลำไส้ได้ดี
- ช่วยในการย่อยอาหาร: โพรไบโอติกจะผลิตเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารบางชนิด เช่น แลคโตส ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: ลำไส้เป็นอวัยวะที่สำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกัน โพรไบโอติกจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ
- ลดอาการท้องผูก: โพรไบโอติกจะช่วยเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในการขับถ่าย ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้เป็นปกติ จึงขับถ่ายได้ดี
- ลดอาการท้องอืด: โพรไบโอติกจะช่วยลดการผลิตก๊าซในลำไส้ ทำให้มีอาการท้องอืดลดลง
กลไกการทำงานของโพรไบโอติก
โพรไบโอติก นั้นเปรียบเสมือนทหารยามที่คอยปกป้องลำไส้ของเรา ด้วยการทำงานกันเป็นทีมเพื่อรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ให้ดีอยู่เสมอ และนี่คือกลไกการทำงานหลัก ๆ ของโพรไบโอติกที่น่าสนใจ
- แย่งพื้นที่ยึดเกาะ: โพรไบโอติกจะเกาะติดผนังลำไส้ก่อนแบคทีเรียตัวร้าย ทำให้แบคทีเรียไม่ดีไม่มีที่ว่างพอที่จะมาอาศัยอยู่ในลำไส้ จึงลดโอกาสในการก่อโรคได้
- สร้างเกราะป้องกัน: โพรไบโอติกจะสร้างชั้นป้องกันเหนียว ๆ บนผนังลำไส้ ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียตัวร้ายเจาะทะลุเข้าไปทำอันตรายกับเซลล์ร่างกายของเรา
- ปรับสมดุลแบคทีเรีย: โพรไบโอติกจะช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียดีในลำไส้ ทำให้ระบบนิเวศในลำไส้สมดุล ลดการอักเสบ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ผลิตสารต้านจุลชีพ: โพรไบโอติกบางชนิดสามารถผลิตสารต้านจุลชีพ ซึ่งจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียตัวร้ายโดยตรง
- ปรับค่า pH: โพรไบโอติกบางชนิดจะผลิตกรดแลคติก ทำให้สภาพแวดล้อมในลำไส้เป็นกรดเล็กน้อย ซึ่งไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียตัวร้าย
- ผลิตวิตามิน: โพรไบโอติกบางชนิดสามารถผลิตวิตามิน K และวิตามินบี ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย
ปวดท้องบ่อย อาหารไม่ย่อย ท้องผูก Probio-10 Fiber plus ช่วยคุณได้
มีปัญหาปวดท้องบ่อย อาหารไม่ย่อย ท้องผูก กวนใจคุณอยู่ใช่ไหม? ในยุคที่ต้องเร่งรีบ ทำให้หลายคนไม่มีเวลาทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร Probio-10 Fiber plus คือคำตอบสำหรับคุณ! อาหารเสริมที่คิดค้นมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก ท้องอืด และอาหารไม่ย่อยได้อย่างตรงจุด
- โปรไบโอติกเข้มข้น 10 เท่า ผ่านการวิจัยจากแล็บชื่อดังของประเทศเกาหลีและสหรัฐอเมริกา ทำให้โปรไบโอติกในผลิตภัณฑ์นี้ทนต่อกรดในกระเพาะอาหารได้ดีกว่าทั่วไปถึง 3 เท่า และเพิ่มจำนวนได้มากขึ้นถึง 10 เท่า ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ได้เป็นอย่างดี
- ผสมไฟเบอร์ธรรมชาติ: ช่วยเพิ่มปริมาณกากใยอาหาร กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ และลดอาการท้องผูก
- สะดวก รวดเร็ว: เพียงแค่ทาน Probio-10 Fiber plus วันละ 1-2 แคปซูล ร่วมกับการปรับพฤติกรรม ก็จะช่วยปรับการเคลื่อนไหวของลำไส้ และทำให้ขับถ่ายเป็นปกติได้อีกครั้ง
อย่าปล่อยให้ปัญหาท้องผูก ท้องอืด มารบกวนคุณอีกต่อไป คลิก! เพื่อสั่งซื้อเลย!